FAQ

โดยปกติแล้วแผงโซลาร์เซลล์จะมีการรับประกันประสิทธิภาพการผลิตพลังงานไม่ต่ำกว่า 80% ถึง 25 ปี โดยหลังจากนั้นแผงโซลาร์เซลล์ก็ยังสามารถใช้งานได้อยู่เพียงแต่ประสิทธิภาพในการผลิตจะค่อยๆลดต่ำลงหรือผลิตพลังงานได้น้อยลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพและเงื่อนไขการรับประกันของบริษัทผู้ผลิตแผงโดยตรงด้วย

การติดแผงโซลาร์เซลล์มีผลให้อุณหภูมิภายในบ้านลดลงได้จริงเนื่องจากแผงโซลาร์เซลล์จะเป็นตัวซับทั้งความเข้มแสงและความร้อนจากแสงอาทิตย์ โดยจากรายงานการวิจัยของทีมนักวิจัยชาวฝรั่งเศษ รวมถึงงานวิจัยของมหาวิทยาลัย UC San Diego พบว่าสามารถลดความร้อนต่อหลังคาบ้านหรืออาคารลงได้ถึง 38% ซึ่งช่วยยืดอายุขัยของหลังคาของเราได้ด้วย

ระบบโซลาร์รูฟท็อปจริงๆ แล้วเป็นระบบที่ไม่ได้มีการก่อสร้างที่ซับซ้อนและมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง การดูแลรักษาโดยมาตรฐานจะเป็นการทำความสะอาดแผงเพื่อลดการเกาะของฝุ่นและคราบต่างๆ รวมถึงการตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์เพื่อคงประสิทธิภาพและความปลอดภัย ซึ่งทำแค่เพียงปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น

• จุดประสงค์ของการใช้งาน
• ขนาดระบบโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้ง
• ปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตเหลือ
• พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า

ปัจจุบันการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปจะต้องการทำการขออนุญาตเพื่อเป็นการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับทราบว่าอาคารหรือบ้านของเรามีการติดตั้งระบบผลิตพลังงานเพิ่มเติม การแจ้งสำนักงานเขตเป็นการแจ้งเพื่อรับรองว่าหลังคาของอาคารที่ติดตั้งสามารถรับรองน้ำหนักของระบบโซลาร์รูฟท็อปได้ หรือการแจ้งการไฟฟ้าและกรบควบคุมกิจกรรมพลังงาน (กกพ.) ก็เพื่อให้หน่วยงานได้เข้ามาตรวจสอบความปลอดภัยทั้งมาตรฐานการติดตั้งและความปลอดภัยต่อระบบโครงข่ายการไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับระบบของเราด้วย

การติดระบบโซลาร์รูฟท็อปแบบ On-grid หรือแบบเชื่อมกับโครงข่ายการไฟฟ้าสามารถเลือกติดแบบขายไฟหรือไม่ขายไฟคืนให้การไฟฟ้า โดยหากเป็นการติดเพื่อใช้เองทั้งหมด พลังงานที่เหลือจะสูญหายไปเองโดยมีตัวกันย้อนป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าส่วนเกินไหลกลับไปและก่อให้เกิดอันตราย ในกรณีที่ติดตั้งแบบขายไฟ ไฟฟ้าจะสามารถไหลย้อนกลับได้

ในขณะที่ฟ้าครึ้มหรือมีเมฆบดบังแสงอาทิตย์ แผงโซลาร์เซลล์ยังสามารถผลิตพลังงานได้ตามปกติเพราะแผงโซลาร์เซลล์ใช้วิธีผลิตจากความเข้มแสงนั่นเองแม้ว่าจะดูแดงไม่แรงหรือไม่มีแดดก็ตาม แต่กำลังผลิตอาจได้ในปริมาณที่ต่ำกว่าในช่วงที่ท้องฟ้าเปิดโล่ง

ระบบโซลาร์รูฟส่วนใหญ่นั้นติดตั้งแบบ On-grid หรือเชื่อมกับโครงข่ายไฟฟ้านั่นคือทำงานร่วมกับโครงข่าย ซึ่งในเวลากลางวันที่มีแสงแดดหรือความเข้มแสง ระบบจะผลิตพลังงานมาใช้เป็นพลังงานหลักและงดใช้พลังงานจากโครงข่าย หรือในเวลาที่ผลิตได้น้อยกว่ากำลังการผลิต โครงข่ายไฟฟ้าจะเป็นตัวป้อนพลังงานเข้ามาให้เราใช้โดยไม่มีรอยต่อ ซึ่งเวลาที่โครงข่ายมีปัญหาหรือเกิดเหตุการณ์ไฟดับ ระบบจะหยุดทำงานซึ่งเป็นมาตรการณ์ป้องกันไม่ให้ผลิตไฟฟ้าแล้วไหลย้อนเข้าสู่ระบบโครงข่าย (ป้องกันอุบัติเหตุต่อพนักงานการไฟฟ้าที่กำลังซ่อมแซมอุปกรณ์หรือสายไฟ) เมื่อไฟฟ้ากลับสู่ภาวะปกติ ระบบจะทำการรีเซ็ตตัวเองและกลับมาออนไลน์อีกครั้ง